วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557

มาดูแลสุขภาพร่างกายให้อบอุ่น ในวันที่อากาศหนาว ๆ






















ช่วงนี้ลมหนาวพัดมาอีกระลอกใหญ่ ทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงมากในช่วงเช้าและกลางคืน ถ้าใครสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงก็มีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่าย ๆ ยิ่งถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ลมชัก ยิ่งเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากภัยหนาว ดังที่มีข่าวให้เราเห็นกันทุกปี

แล้วรู้ไหมว่า สาเหตุของการเสียชีวิตจากอากาศหนาว ๆ นั้น เกิดจากการที่อุณหภูมิในร่างกายต่ำลงกว่า 37 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้ไม่ดี สุดท้ายหัวใจก็จะทำงานหนักและเต้นผิดปกติ ถึงขั้นเสียชีวิตในขณะนอนหลับได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้น กรมควบคุมโรคจึงได้ขอแนะนำวิธีดูแลสุขภาพในอากาศหนาว ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิในร่างกายลดลงต่ำจนเป็นอันตรายต่อชีวิต มีอะไรบ้างลองจดจำไว้แล้วนำไปปฏิบัติตามกันค่ะ

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศหนาวเย็น และสวมเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นร่างกายตลอดเวลา

2. ไม่ควรดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะไม่ได้ช่วยคลายความหนาวแต่อย่างใด โดยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ จะทำให้หลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวมากขึ้น และเกิดการสูญเสียความร้อนออกจากผิวหนังอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้เกิดอุณหภูมิร่างกายต่ำได้ง่าย จึงมักพบการเสียชีวิตจากภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำในคนที่มีประวัติการดื่มสุราเป็นประจำ

3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ร่างกายแข็งแรง

4. รับประทานอาหารอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอาหารที่ให้พลังงานเช่น แป้งและไขมัน ดื่มเครื่องดื่มร้อน ๆ เช่น นมร้อน น้ำอุ่น หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มผสมคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนมีผลให้ร่างกายขับปัสสาวะมาก ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น

 5. สวมใส่เครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้ความอบอุ่นร่างกายอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะที่หน้าอกและคอ หากอากาศหนาวเย็นจัดหรือเสื้อผ้าไม่เพียงพอ อาจจะใช้ถุงพลาสติกที่สะอาดและแห้ง หรือ กระดาษ รองเป็นซับในเสื้อผ้าก็ได้

เคล็ดลับการดูแลสุขภาพดี ๆ จากกรมควบคุมโรค หากใครมีข้อสงสัย สามารถสอบถามได้ที่ กรมควบคุมโรค โทร. 1422 ตลอด 24 ชั่วโมงจ้า

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557

Miracle Bee Venom Overnight Mask


มหัสจรรย์แห่งพิษผึ้ง เต่งตึงได้ ไม่ต้องฉีดโบท็อค Miracle Bee Venom Overnight Mask

  • เติมเต็มริ้วรอย ป้องกันริ้วรอยแห่งวัย
  • ฟื้นผิวคล้ำเสีย จากมลภาวะและแสงแดด
  • เสริคมความขาวเปล่งประกายให้แก่ผิวหน้า
ราคา  1,050  บาท

S MONE' MIRACLE BEE VENOM OVERNIGHT MASK (เอสมอเน่ มิราเคิล บี วีนอม โอเวอร์ไทน์ มาส์ก ผลิตภัณฑ์พอกผิวหน้า)

เอสมอเน่ มิราเคิล บี วีนอม โอเวอร์ไนท์มาส์ก อีกระดับของการบำรุงผิวหน้า มาส์กที่อุดมไปด้วยสารอันทรงคุณค่ามากมายจากธรรมชาติ สารสกัดจากพิษผึ้ง ซึ่งมีฤทธิ์อันทรงพลังในการต่อต้านริ้วรอยให้แลดูตื้นเปล่งประกายให้แก่ผิวหน้า สารสกัดจากแอปเปิ้ลเขียว ช่วยฟื้นผิวคล้ำเสียจากมลภาวะและแสงแดด เผยผิวใหม่ ขาว ใส สุขภาพดี อย่างที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน

วิธีใช้ : พอก เอสมอเน่ มิราเคิล บี วีนอม โอเวอร์ไนท์ มาส์ก หนา ๆ ก่อนนอน (หนากว่าทาครีมปกติหนึ่งเท่า) ทาทั่วใบหน้าและลำคอโดยไม่ต้องล้างออก สัปดาห์ละสามครั้ง



วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

ยืดอายุด้วยการเดิน




ใครที่ไม่ถูกโฉลกกับการออกกำลังกายอย่างแรง มีกิจกรรมที่แสนง่ายที่สุดในโลก ให้คุณได้ใช้พลังงานแล้วนะ อันได้แก่การเดิน เดิน เดิน แล้วก็เดินนี่แหละ ง่าย สะดวก และทุกคนสามารถทำได้ โดยผลที่เกิดขึ้นพบว่า ผู้หญิงที่เดินเร็วทุก ๆ หนึ่งชั่วโมงต่อวัน จะลดโอกาสเป็นโรคอ้วน 24% และลดโอกาสเป็นโรคเบาหวานถึง 34%

นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้หญิงรวมทั้งผู้ชายที่เดินมากกว่าสามชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะลดโอกาสเสี่ยงลงในการเป็นอัมพาตและโรคหัวใจลงเกือบครึ่ง แถมอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับอ่อนยังพลอยลดตามไปด้วย

สำหรับผู้สูงอายุ เด็กและประชาชนทั่วไป ควรเดินอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงต่อวัน ทุกวัน หรือ 3-4 วันต่อสัปดาห์ โดยแต่ละครั้งที่เดินควรจะติดต่อกันนานกว่า 10 นาที

หลักง่าย ๆ ก็คือ ควรจะค่อย ๆ เดินเร็วขึ้นเท่าที่จะเดินไหว แต่ก็ไม่เร็วจนหอบ ถ้าเดินเร็วไม่ได้ การเดินจงกรมกลับไปมาช้า ๆ อย่างมีสติ อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นกัน ที่สำคัญควรใส่รองเท้าที่เหมาะสมกันลื่น หกล้ม หลีกเลี่ยงการเดินในที่เปลี่ยว เดินบนทางเท้า หากมีโรคประจำตัวควรมีเอกสารแสดงไว้กับตั วและควรกันเหนียวด้วยการเตรียมเพื่อนเดินเสมอ

แต่ถ้าหากไม่มีเวลาจริง ๆ ควรเดินให้มากที่สุดเท่าที่จะมีเวลา เช่น เดินขึ้นบันไดแทนลิฟต์ หากเดินแล้วปวดเข่าโดยเฉพาะคนอ้วนหรือน้ำหนักเกิน ควรใช้ความร้อนประคบลดอาการปวด

อันที่จริงการเดินเป็นกิจวัตรประจำวันที่คนทั่วไปทำอยู่แล้ว เพียงแต่ยืดระยะเวลาและความเร็วในการเดินให้มากขึ้น ก็จะมีผลดีต่อสุขภาพอย่างมาก ทำให้อายุยืนยาวขึ้น ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ลดโอกาสเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันผิดปกติ โรคมะเร็ง และโรคหัวใจและหลอดเลือด

การเดิน เป็นทางแห่งสุขภาพที่ทำได้ง่ายที่สุดทางหนึ่ง พูดง่าย ๆ รู้แล้วถ้ายังขืนขี้เกียจออกกำลังกายด้วยการเดินอีก ก็ไม่รู้จะร้องเพลงอะไรแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

สธ. เตือนระวังโรคอุจจาระร่วง ช่วงหน้าหนาว พบป่วยแล้วกว่า 2 แสนราย


       

 กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนระวังโรคอุจจาระร่วงช่วงหน้าหนาว เผยช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา พบผู้ป่วย 210,906 ราย เสียชีวิตแล้ว 1 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป

          วันที่ 19 มกราคม 2557 มีรายงานว่า นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยว่า สธ. ได้เฝ้าระวังการเจ็บป่วยของประชาชนในช่วงหน้าหนาว พบว่า โรคอุจจาระร่วง เป็นโรคที่พบได้บ่อยทุกปี จากรายงานการเฝ้าระวังโรคอุจจาระร่วงทุกจังหวัด ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวที่ผ่านมา คือตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556-13 มกราคม 2557 พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงรวม 210,906 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เนื่องจากมีภูมิต้านทานโรคต่ำกว่ากลุ่มอื่น และหากป่วยอาการจะรุนแรงกว่าวัยอื่น ๆ

          ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า สาเหตุของโรคอุจจาระร่วง เกิดจากเชื้อโรคทั้งแบคทีเรีย ไวรัส รวมทั้งเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม อยากย้ำเตือนประชาชนว่า อย่าชะล่าใจว่าอากาศเย็นแล้วอาหารจะไม่บูดเสีย เพราะความเย็นแค่ช่วยชะลอการเติบโตของเชื้อโรคในอาหารเท่านั้น ไม่ทำให้เชื้อโรคตาย ดังนั้น ขอให้เก็บอาหารเหลือค้างมื้อใส่ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ -1 ถึง 8 องศาเซลเซียส และนำมาอุ่นให้เดือดก่อนรับประทานทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ใช้ช้อนกลางตักอาหาร ล้างมือฟอกสบู่ก่อนรับประทานอาหารทุกครั้งและหลังการใช้ห้องน้ำห้องส้วม ถ่ายอุจจาระลงส้วมทุกครั้ง

          ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยถึงการป้องกันโรคท้องร่วงในเด็กเล็กว่า นมผสมของเด็กที่เหลือจากการดูด ไม่ควรเก็บไว้เกิน 2 ชั่วโมงในห้องอุณหภูมิปกติ และไม่เกิน 4 ชั่วโมงในห้องแอร์ เพราะอุณหภูมินอกตู้เย็น เหมาะแก่การเพิ่มจำนวนเชื้อโรคที่มาจากปากและฟัน ส่วนนมแม่ หากยังไม่ได้กิน จะอยู่ในห้องแอร์ได้ 8 ชั่วโมง ไม่ควรนำนมไปวางทิ้งไว้ในที่อุ่นนม เพราะการเก็บนมไว้ในที่อุณหภูมิสูง จะทำให้เสียเร็วขึ้น อย่างไรก็ดี ควรเตรียมนมให้พอดีในแต่ละมื้อ ไม่ให้เหลือค้างขวด เพราะนมอุดมไปด้วยสารอาหารที่ทำให้เชื้อโรคเติบโตได้ดีจึงมีโอกาสบูดเสียได้ แนะนำให้เปลี่ยนขวดนม ขวดน้ำ และจุกนมทุกครั้ง ล้างทำความสะอาดและนึ่งฆ่าเชื้ออุปกรณ์ให้ดี เพราะการลวกน้ำร้อนไม่สะอาดเพียงพอ อาจทำให้เด็กท้องเสียได้ และให้หมั่นล้างมือให้เด็ก ทำความสะอาดของเล่นบ่อย ๆ

          สำหรับการดูและผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงนั้น อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ควรรับประทานอาหารตามปกติ ไม่ควรงดอาหาร เพื่อให้มีสารอาหารที่จำเป็นไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆในร่างกาย แต่ควรเป็นอาหารอ่อน ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก แกงจืด และให้ดื่มผงน้ำตาลเกลือแร่แทนน้ำ หากอาการไม่ดีขึ้น ยังถ่ายบ่อย อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้ กระหายน้ำมากกว่าปกติ มีไข้สูง หรือถ่ายอุจจาระเป็นมูกปนเลือด ให้รีบพบแพทย์

          ส่วนการดูแลในเด็กเล็ก ขอให้ป้อนอาหารเหลวบ่อย ๆ เช่น น้ำข้าวต้ม น้ำแกงจืด สามารถกินนมแม่ได้ตามปกติ ถ้าเด็กกินนมผสม ให้เจือจางนมผสมเหลือครึ่งหนึ่งของปกติที่เคยได้รับ จิบน้ำละลายผงน้ำตาลเกลือแร่บ่อย ๆ และให้อาหารที่ย่อยง่าย เช่นโจ๊ก ข้าวต้ม อาการเด็กจะค่อย ๆ ดีขึ้นเป็นปกติภายใน 8-12 ชั่วโมง หากอาการไม่ดีขึ้น เช่น ถ่ายเหลวไม่หยุด เด็กซึมลง ปากแห้งมาก ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม ให้พาเด็กไปพบแพทย์โดยเร็ว

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

อยากเติมโอเมก้า 3 ไม่ต้องทานแต่ปลาก็ได้นะ


กรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยพัฒนาสมองและการจดจำ แถมยังมีประโยชน์ต่อระบบประสาท และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายด้วยนั้น คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่าคงหาทานได้จากปลาอย่างเดียว อย่างปลาทู ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอร์เรล ใช่ไหมล่ะ

อ๊ะ...แต่ถ้าเราไม่ชอบทานปลา หรือเป็นคนแพ้อาหารทะเลล่ะ ก็ใช่ว่าจะหาทานกรดไขมันโอเมก้า-3 จากแหล่งอื่นไม่ได้นะ ลองมาทำความรู้จักกับอาหารเหล่านี้ ที่จะช่วยเติมโอเมก้า-3 ให้ร่างกายของคุณ

 1. น้ำมันคาโนลา

เคยได้ยินชื่อว่าเป็นน้ำมันพืชเพื่อสุขภาพ แล้วรู้ไหมว่าน้ำมันชนิดนี้มีประโยชน์อย่างไร? ขอบอกเลยว่า ถ้าถามหากรดไขมันโอเมก้า-3 แล้วล่ะก็ ต้องนึกถึงน้ำมันคาโนลาไว้เลยค่ะ เพราะน้ำมันชนิดนี้มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่สูงมาก ๆ คือมีโอเมก้า-3 ชนิดอัลฟ่าไลโนเลอิก หรือ ALA ประมาณ 1,300 มิลลิกรัมต่อ 1 ช้อนโต๊ะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสถาบันทางการแพทย์จะแนะนำให้ผู้ชายทานกรดไขมันโอเมก้า-3 วันละอย่างน้อย 1,100 มิลลิกรัม ส่วนผู้หญิงวันละ 1,600 มิลลิกรัม แต่แค่น้ำมันคาโนลา 1 ช้อนโต๊ะ ก็ให้ ALA สูงเกือบเท่าความต้องการใน 1 วันเลยเห็นไหม

นอกจากนี้ น้ำมันคาโนลายังเหมาะแก่การนำมาประกอบอาหารด้วยล่ะ เพราะมีจุดเกิดควันสูงมากถึง 468 องศาฟาเรนไฮต์ (242.2 องศาเซลเซียส) ซึ่งอย่างที่รู้กันว่า น้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูงจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการได้รับสารก่อมะเร็งที่มีในควันน้ำมันเมื่อทำอาหารประเภทผัดหรือทอด

 2. เมล็กแฟลกซ์ หรือน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์

ในเมล็ดแฟลกซ์ หรือเมล็ดลินินก็มีกรดอัลฟ่าไลโนเลอิก หรือ ALA อยู่เหมือนกัน เมื่อทานเข้าไปก็จะเปลี่ยนเป็นชนิด DHA และ EPA เพียงแค่ทานเมล็ดแฟลกซ์ 2 ช้อนโต๊ะ ก็จะได้รับ ALA สูงถึง 3,800 มิลลิกรัมแล้ว โดยอาจจะโรยทานกับขนมปัง หรือผสมในสมูทตี้แก้วอร่อยของคุณก็ได้นะ

 3. ถั่วแระ

ถั่วแระครึ่งถ้วยที่นำไปต้มจะให้โอเมก้า-3 ถึง 300 มิลลิกรัม แถมยังมีโปรตีน 11 กรัม ไฟเบอร์ 9 กรัม ถือเป็นของว่างชั้นเลิศ ทานแล้วได้ประโยชน์ ไม่อ้วนชัวร์

 4. วอลนัท

ถั่วเปลือกแข็งอย่างวอลนัท นอกจากจะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อสุขภาพหัวใจแล้ว วอลนัทในปริมาณ 30 กรัม ยังให้โอเมก้า-3 ถึง 2,600 มิลลิกรัมเลยนะ ซึ่งถ้าไม่อยากทานวอลนัทเป็นของกินเล่น ก็ลองนำวอลนัทไปผัดกับอาหาร หรือใช้น้ำมันวอลนัททำอาหารแทนก็เข้าท่าอยู่

 5. ผลิตภัณฑ์จากนม

เชื่อไหมว่า ในน้ำนมวัว แพะ แกะ ที่ผู้เลี้ยงให้กินหญ้าตามธรรมชาติ จะมีกรดโอเมก้า-3 มากกว่าวัว แพะ แกะที่เลี้ยงด้วยอาหารสังเคราะห์ถึง 100 มิลลิกรัมต่อ 240 มิลลิลิตร ดังนั้นเวลาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมทั้งหลายลองอ่านฉลากดูหน่อยว่า มีกรดโอเมก้า-3 อยู่มากน้อยแค่ไหน

 6. ผักโขม

ผักโขมแสนอร่อยที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ โอเมก้า-3 ด้วยล่ะ เพียงแค่ครึ่งถ้วยก็ให้โอเมก้า-3 ประมาณ 100 มิลลิกรัมแล้ว นำมาต้มกินเป็นประจำ รับรองสมองสดใส ความจำเยี่ยม !

 7. ถั่วเหลือง

แหล่งโปรตีนชั้นเลิศอย่างถั่วเหลืองก็มีกรดไขมันโอเมก้า-3 อยู่เหมือนกันนะ เพราะฉะนั้น เลือกทานอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองอย่างเต้าหู้ ซึ่งเต้าหู้ประมาณ 120 กรัมจะให้โอเมก้า-3 ถึง 300 มิลลิกรัมเลย หรือจะดื่มนมถั่วเหลืองก็ได้ ดื่มเพียงวันละ 1 แก้ว ร่างกายก็ได้รับปริมาณโอเมก้า-3 ที่เพียงพอแล้วค่ะ

อ่านจบแล้วก็ลองหาอาหารเหล่านี้มาเติมโอเมก้า-3 ให้ร่างกายกันนะ

เคล็ดลับท่านชายดูแลตัวเองง่ายๆให้ดูอ่อนกว่าวัย



คนส่วนใญ่เข้าใจกฏเกณฑ์ธรรมชาติดีค่ะว่า เมื่อเวลาผันผ่อนอายุเราก็ต้องมากขึ้นและร่างกายก็เปลี่นแปลงไปตามกาลเวลา จนทำให้คนหลายคนปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปตามวัย และก็มีคุณผู้ชายหลายท่านที่หันกลับมาใส่ใจการดูแลตนเองให้ดูดี ให้ดูอ่อนกว่าวัยเพื่อที่จะเสริมความมั่นใจในการที่จะใช้ชีวิตประจำวันในสังคมได้อย่างมั่นใจ คงสงสัยกันแล้วใช่ไหมคะว่าเขามีวิธีการทำอย่างไร อย่ารอช้าค่ะวันนี้บิ๊วนำวิธีที่จะทำให้คุรผู้ชายดูอ่อนกว่าวัยโดยไม่ต้องเสียเงินเลยล่ะค่ะ มีอะไรบ้างนั้น ตามนี้เลยค่ะ

1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้ชายทั้งหลายดูมีอายุมากขึ้น (บางคนดูแก่กว่าอายุจริงด้วยซ้ำ) นั่นเป็นเพราะว่า กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเริ่มหย่อนคล้อยไม่กระชับเหมือนในสมัยหนุ่ม ๆ ดังนั้นหากคุณต้องการจะรักษาและคงความเฟี้ยวเอาไว้ โดยไม่สนใจว่าตัวเลขของอายุจะเดินหน้าไปไวสักแค่ไหน ก็ควรหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ทำงานบ้าง อีกทั้งยังช่วยกระชับและลดไขมันส่วนเกินอีกด้วย

ทั้งนี้ ควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30 - 60 นาที (ระยะเวลาในการออกกำลังกายขึ้นอยู่กับศักยภาพร่างกายของแต่ละคน) แล้วคุณก็จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสดชื่นสดใสเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ เลยล่ะ นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยลดน้ำหนักและลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ ด้วย เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคกระดูกพรุน โรคเส้นเลือดอุดตัน และยังช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเซโรโทนินสารที่ช่วยบรรเทาความเครียดได้อีกต่างหาก

 2. จัดแต่งทรงผมให้ดูดีอยู่เสมอ 

ไม่มีอะไรจะทำให้ผู้ชายดูโทรมได้เท่ากับผมเผ้าที่รุงรัง กระเซอะกระเซิง ไม่ได้ทรงอีกแล้ว หากไม่อยากหมดหล่อในสายตาของคุณผู้หญิง คุณควรจัดแต่งทรงผมให้ดูดีอยู่เสมอ โดยทรงผมที่เหมาะสมกับหนุ่มรุ่นใหญ่ที่สุดก็คือ ผมสั้น ซึ่งคุณอาจใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมอย่าง เจล มูส หรือสเปรย์ช่วยตกแต่งทรงผมด้วยก็ได้ แต่หากใครที่มีปัญหาผมร่วงหรือเส้นผมบาง หากใจกล้าหน่อยก็สกินเฮดไปเลย เพราะผู้ชายกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ผมจะเริ่มบางลง โดยเฉพาะชายที่อยู่ในช่วงอายุ 35 ปีขึ้นไป แต่ถ้าคุณรู้สึกไม่มั่นใจกับทรงสกินเฮดของตัวเอง ก็ลองมองหายาปลูกผมดี ๆ เอาไว้ใช้แทน หรือไม่ก็ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางไปเลยก็ได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลุคของตัวเอง

 3. โกนหนวดโกนเครากันบ้าง 

หนวดและเคราบนใบหน้าเปรียบเสมือนดาบสองคมที่สามารถทำให้คุณดูดีขึ้น แต่อีกทางหนึ่งมันก็สามารถทำร้ายตัวคุณได้เหมือนกัน หากใบหน้าคุณไม่เหมาะกับการไว้หนวดเครา หรือปล่อยให้หนวดเครารกรุงรังจนทำให้คุณดูแก่กว่าอายุจริง ดังนั้นควรโกนทิ้งไปให้หมด โดยเหลือไว้เพียงใบหน้าที่ดูสะอาดสะอ้าน และยังช่วยให้คุณดูเด็กลงมากขึ้น แต่ถ้าอยากจะไว้จริง ๆ ก็อาจอัพเดทเทรนด์หนวดเคราจากเหล่าดาราแล้วลองทำตามดูบ้างก็ได้ เพื่อเปลี่ยนลุคของตัวเองให้แตกต่างออกไปจากเดิมบ้าง ทว่าข้อสำคัญที่ไม่ควรลืมหากจะไว้หนวดเคราจริง ๆ ก็คือต้องเลือกทรงที่รับกับรูปหน้าของคุณมากที่สุด จึงจะช่วยให้ดูดีขึ้นได้

 4. ดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง

สิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณดูอ่อนเยาว์ลงไม่ใช่แค่การดูแลทรงผม หรือการแต่งตัวให้ดูดีเท่านั้น ทว่าคุณยังควรดูแลผิวพรรณควบคู่กันไปด้วย โดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ติดเป็นนิสัย โดยเฉพาะในส่วนของใบหน้า ทั้งนี้ ควรสครับใบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกมา นอกจากนี้เวลาโกนหนวดนั้นให้ใช้ครีมโกนหนวดที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ก่อนการโกนทุกครั้ง เพื่อป้องกันการหลุดร่อนของเซลล์ผิวชั้นนอก และคงความชุ่มชื่นให้กับผิวของคุณ รวมไปถึงทาครีมบำรุงรอบดวงตา เพื่อป้องกันรอยหมองคล้ำบริเวณใต้ตาด้วย และที่สำคัญอย่าลืมดูแลสุขภาพริมฝีปากให้นุ่มชุ่มชื้นอยู่เสมอด้วยลิปมันเช่นกัน

สำหรับวิธีการที่บิ๊วนำมาฝากจะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณดูดีได้อย่างแน่นอนค่ะ แต่สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมหรือไม่สะดวกก็ลองทำตามซักข้อสองข้อก่อนก็ได้นะคะ และถ้าทำได้อย่างนี้แล้ว บิ๊วอยากจะเสริมให้ลองดื่ม มอร์ส คอลลาเจน เพื่อให้ดูดีขึ้นอีกนิดค่ะ เพราะคอลลาเจนนั้น ทำให้ ขาวใส อมชมพู ลบเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ สิว ฝ้า กระ ด้วยคุณประโยชน์มากมายจาก คอลลาเจน ซิงค์อะมิโน แอล-อาร์จีนีน แอล-ซิลเทอีน อัลฟาไลโปอิก โคเอนไซม์ Q10 ไกลซีน สารสกัดจากเปลือกสน เป็นต้น รับรองเลยค่ะคุณผู้ชายถ้าทำได้อย่างนี้จะดีดีขึ้นอีกมากๆเลยค่ะ


เคล็ดไม่ลับสำหรับผู้หญิง สลายไขมัน เซลลูไลต์ ต้นขาใหญ่ น่องโต























เรื่องของความสวยความงานสำหรับผู้หญิงนี่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนะคะ ที่การที่มีรูปร่างที่สวยงานด้วยแล้วนั้นต้องดูแลกันอย่างดีเลยล่ะค่ะ และวันนี้บิ๊วมีเคล็ดไม่ลับสำหรับการสลายไขมัน เซลลูไลต์ ต้นขาใหญ่ น่องโต มาฝากโดยที่ไม่ต้องเสียสตางค์ไปคลีนิคหรือเสียเงินเข้าคอร์สแต่อย่างใด ขอเพียงแค่คุณตั้งใจทำให้สม่ำเสมอเท่นั้นเองค่ะ ส่วนวิธีการมีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ


ออกกำลังกาย
   
การออกกำลังกายนับเป็นสูตรสำเร็จเพื่อความงามและยังทำให้สุขภาพของเราดีด้วย แต่สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องไขมันบริเวณต้นขาหรือน่องล่ะก็ เพิ่มการออกกำลังกายด้วยการย่อเข่า ก็จะช่วยในการกำจัดไขมันและช่วยกระชับกล้ามเนื้อต้นขาและลดต้นขาได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ๆ คล้าย ๆ กับการออกกำลังกายลุกนั่ง หรือหากใครชอบเดิน ก็ช่วยได้เช่นกันค่ะ แต่อย่าลืมว่าการลุกขึ้นย่อเข่าควรทำอย่างน้อย 30 ครั้ง และการเดินก็ไม่ควรน้อยกว่า 30 นาทีค่ะ
   
การกระโดดเชือกก็เป็นอีกวิธีการออกกำลังที่ช่วยลดไขมันบริเวณต้นขาได้ ซึ่งมีรายงานระบุว่า การกระโดดเชือกติดต่อกัน 15 นาที ก็เหมือนกับคุณออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งนานถึง 30 นาที ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าสูตรนี้บรรดาเหล่าเทรนเนอร์มักจะใช้กับดาราสาวฮอลลีวู้ดทั้งหลายที่อยากจะให้เชฟเฟิร์ม
   
วิธีธีลดน่องโดยการกระโดดเชือกด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง จะช่วยลดแรงกระแทกลงได้มาก ไม่เกิดอันตรายต่อเข่า หรือทำให้เข่าเสื่อม เข่าพัง อย่างที่หลายคนเคยได้ยินกันมา วิธีลดน่องโดยการกระโดดเชือกที่ถูกวิธี จะกระโดดเพียงแค่ต่ำ ๆ สูงจากพื้นไม่เกิน 1-2 นิ้ว โดยที่จะใช้ข้อเท้า กล้ามเนื้อน่อง รวมถึงการงอเข่าเล็กน้อย ช่วยในการดูดซับแรงกระแทกลงได้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งแรงกระแทกที่เกิดขึ้นยังน้อยกว่าการวิ่งอีกด้วย การกระโดดแบบผิด ๆ ด้วยการกระโดดสูงเกินไปต่างหาก ที่มีโอกาสทำให้เข่าพังได้ จากแรงกระแทกที่สูงเกินไป

 ขึ้น-ลงบันได
   
สำหรับข้อแนะนำนี้เพื่อสกัดกั้นสาว ๆ ที่บอกว่า "ไม่มีเวลา ๆ ออกกำลังกับใครเขาเลย" ค่ะ ขอแต่เพียงคุณใช้เวลาพัก หรือเวลาที่ต้องทำงานให้เป็นประโยชน์ก็ช่วยได้ แม้กระทั่งเวลาสวมรองเท้าส้นสูงก็ไม่มีข้อห้ามค่ะ เพราะมีรายงานอีกด้วยว่า การขึ้นบันไดเฉลี่ยวันละ 2 ชั้นสามารถลดน้ำหนักได้ 2.7 กิโลกรัมในเวลา 1 ปี และมีหลักฐานยืนยันว่า การเดินขึ้น-ลงบันไดสามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน อีกทั้งสามารถลดปริมาณไขมันในร่างกาย และเพิ่มปริมาณ High-density lipoprotein (HDL) ซึ่งเป็นไขมันชนิดดีได้
   
การขึ้นบันไดสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 8-11 กิโลแคลอรี่ต่อนาที ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับการออกกำลังกายทั่วไป ส่วนการลงบันไดจะใช้พลังงานประมาณ 1 ใน 3 ของการขึ้นบันได การเดินขึ้นบันไดเป็นการออกกำลังกายขณะทำงานรูปแบบหนึ่งเป็นที่นิยมมากในต่างประเทศ ถึงขนาดมีการแข่งขันการเดินขึ้นบันไดเป็นประจำทุกปี เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้เป็นประจำทุกวัน ทำได้ง่าย สะดวกทุกที่ ทุกเวลา

การเดินขึ้นบันไดเป็นการออกกำลังแบบแอโรบิค หัวใจจะแข็งแรง ทำให้กล้ามเนื้อต้นขา น่อง และก้นแข็งแรง กระชับ นอกจากนั้นที่น่าสนใจคืออาการปวดข้อน้อยกว่าการวิ่งด้วยซ้ำ

 นวดและสครับผิวขา
   
ปกติผิวของคนเราจะมีการผลิตเซลล์ผิวทุก 2-4 สัปดาห์ หากอายุเรามากกว่า 20 ปีขึ้นไป แล้วการผลัดเซลล์ผิวก็จะช้าลงไปเรื่อย ๆ แต่การขัดผิวจะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวทำได้ดีขึ้น ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส
   
งานนี้เราสามารถทำได้เอง เพราะในตลาดเวลานี้มีเครื่องมือเพื่อการขัดผิว หรือ Exfoliating มากมายให้เลือก ซึ่งก็คือ การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวของเรา ซึ่งเป็นผิวชั้นนอกและเผยเซลล์ผิวรุ่นใหม่ที่แข็งแรงกว่ามาแทนที่ ทำให้ผิวของเราดูสดใสและมีชีวิตชีวา ดังนั้นการขัดผิวก็เหมือนการเผยผิวที่กระจ่างใสของเราที่โดนเซลล์ผิวเก่าของเราปิดบังซ่อนเอาไว้อยู่นั้นเอง
   
การขัดผิวนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะฟองน้ำ ครีม ใยบวม หินขัด หรือแม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถนำมาใช้ได้ แต่การขัดผิวที่ดีนั้นควรทำอย่างนิ่มนวล และไม่ทำบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวอ่อนไหวและไม่สามารถทนแดด และจะทำให้แห้งกร้านได้ง่าย

 อาหารเรื่องที่ต้องสนใจ
 
หมดจากการจัดการกับปัญหาภายนอกแล้ว ก็ต้องไม่ลืมการจัดการกับปัญหาภายใน นั่นคือการรับประทานอาหาร หากคุณสาว ๆ ไม่อยากให้ไขมันหรือเซลลูไลท์พอกพูนหรือเกิดขึ้นใหม่ล่ะก็ ควรลดการบริโภคไขมันและน้ำตาล ดื่มน้ำให้เพียงพอกับร่างกายต้องการ ประมาณวันละ 8 แก้ว หรือการใช้วิธีดีท็อกซ์ ทั้งอบ ไอน้ำ ซาวน่า หรืออีกข้อแนะนำคือ หันมากินอาหาร Raw Food คือรับประทานอาหารในรูปแบบมังสวิรัติและทานเจ แบบที่ไม่ผ่านการปรุงด้วยความร้อนที่สูงกว่า 40-42 องศา เพื่อที่ความร้อนจะไม่ไปสร้างความเป็นกรดให้อาหารนั่นเอง

และทั้งหมดนี้ก็เป็นทางเลือกที่บิ๊วนำมาเสนอเพื่อนๆนะคะ สะดวกวิธีไหนก็ลองทำดูค่ะเพื่อสุขภาพที่ดี ร่างกายที่สวยงามและสร้างความมั่นใจที่กับตนเองค่ะ

GMP และ HACCP คืออะไร



GMP (Good Manufacturing Practice) หมายถึง หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร เป็นเกณฑ์หรือข้อกำหนดขั้นพื้นฐานที่จำเป็นในการผลิตและควบคุมเพื่อให้ผู้ผลิตปฏิบัติตาม และทำให้สามารถผลิตอาหารได้อย่างปลอดภัย โดยเน้นการป้องกันและขจัดความเสี่ยงที่อาจจะทำให้อาหารเป็นพิษ เป็นอันตราย หรือเกิดความไม่ปลอดภัยแก่ผู้บริโภค

GMP เป็นระบบประกันคุณภาพที่มีการปฏิบัติ และพิสูจน์จากกลุ่มนักวิชาการด้านอาหารทั่วโลกแล้วว่าสามารถทำให้อาหารเกิดความปลอดภัย เป็นที่เชื่อถือยอมรับจากผู้บริโภค โดยอาศัยหลายปัจจัยที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ดังนั้นหากยิ่งสามารถปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดได้ทั้งหมด ก็จะทำให้อาหารมีคุณภาพมาตรฐานและมีความปลอดภัยมากที่สุด
หลักการของ GMP จึงครอบคลุมตั้งแต่สถานที่ตั้งของสถานประกอบการ โครงสร้างอาคาร ระบบการผลิตที่ดี มีความปลอดภัย และมีคุณภาพ ได้มาตรฐานทุกขั้นตอน นับตั้งแต่เริ่มต้นวางแผนการผลิต ระบบควบคุมตั้งแต่วัตถุดิบระหว่างการผลิต ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป การจัดเก็บ การควบคุมคุณภาพ และการขนส่งจนถึงผู้บริโภค มีระบบบันทึกข้อมูล ตรวจสอบและติดตามผลคุณภาพผลิตภัณฑ์ รวมถึง ระบบการจัดการที่ดีในเรื่องสุขอนามัย (Sanitation และ Hygiene) ทั้งนี้ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายมีคุณภาพและความปลอดภัย เป็นที่มั่นใจเมื่อถึงมือผู้บริโภค และ GMP ยังเป็นระบบประกันคุณภาพพื้นฐานก่อนที่จะพัฒนาไปสู่ระบบประกันคุณภาพอื่น ๆ ต่อไป เช่น HACCP (Hazards Analysis and Critical Control Points) และ ISO 9000 อีกด้วย

HACCP หรือ Hazard Analysis and Critical Control Point คือ ระบบการจัดการคุณภาพด้านความปลอดภัย ซึ่งใช้ในการควบคุมกระบวนการผลิตให้ได้อาหารที่ปราศจากอันตรายจากเชื้อจุลินทรีย์ สารเคมี และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ อาทิ เศษแก้ว โลหะ เป็นต้น ปัจจุบัน HACCP ถือเป็นมาตรการสากลที่ใช้สร้างความมั่นใจในอุตสาหกรรมอาหารทั้งโดยผู้ผลิตและผู้บริโภค และได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

โครงการมาตรฐานอาหาร FOA / WHO (Codex Alimentarius Commission) จึงได้จัดทำข้อกำหนดหลักการของระบบ HACCP และข้อแนะนำในการนำไปใช้ เพื่อให้ประเทศต่างๆ ได้นำไปใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร และประเทศไทยได้นำมาประกาศใช้ในประเทศแล้ว

ระบบ HACCP 

ระบบ HACCP มีหลักการ 7 ข้อที่ต้องปฏิบัติตามที่ระบุในมาตรฐานระหว่างประเทศ และประเทศสมาชิกได้ยึดถือเป็นแนวทางประยุกต์ใช้โดยสอดคล้องกันทั่วโลก ดังนี้
  1. ดำเนินการวิเคราะห์อันตราย (Conduct a hazard analysis)
  2. หาจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (Determine the Critical Control Points (CCPs))
  3. กำหนดค่าวิกฤต (Establish critical Limit (s))
  4. กำหนดระบบเพื่อตรวจติดตามการควบคุมจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (Establish a system to monitor control of the CCP)
  5. กำหนดวิธีการแก้ไข เมื่อตรวจพบว่าจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมเฉพาะจุดใดจุดหนึ่งไม่อยู่ภายใต้การควบคุม (Establish the corrective action to be taken when monitoring indicates that particular CCP is not under control)
  6. กำหนดวิธีการทวนสอบเพื่อยืนยันประสิทธิภาพการดำเนินงานของระบบ HACCP (Establish procedures for verification to confirm that the HACCP system is working effectively)
  7. กำหนดวิธีการจัดเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องกับวิธีปฏิบัติและบันทึกข้อมูลต่างๆ ที่เหมาะสมตามหลักการเหล่านี้ และการประยุกต์ใช้ (Establish documentation concerning all procedures and records appropriate to these principles and their application)
ใครควรทำระบบ HACCP 

ผู้ประกอบการด้านอาหารทุกประเภท และทุกขนาด

แม้ว่าระบบ HACCP จะมีบทบาทสำคัญในการตรวจควบคุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการส่งออกและนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหาร โดยเฉพาะในประเทศผู้นะเข้าสำคัญ อาทิ สหรัฐอเมริกา ประชาคมยุโรป แต่การนำมาใช้ของภาคอุตสาหกรรมทุกขนาดธุรกิจ จะช่วยให้เกิดผลดีต่อสุขภาพอนามัยของผู้บริโภค ทั้งภายในประเทศและลูกค้าต่างประเทศ นอกจากทำให้ผู้บริโภคได้รับอาหารที่มีความปลอดภัยต่อการบริโภค ยังช่วยลดภาระการสูญเสียในด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรรักษาพยาบาลผู้ป่วยจากอาการอาหารเป็นพิษ องค์กรที่นำมาตรฐาน HACCP ไปปฏิบัติยังสามารถขอให้หน่วยงานรับรองระบบ HACCP ซึ่งทำให้องค์กรนั้นสามารถนำผลการรับรองไปใช้ในการโฆษณา และประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนภาพลักษณ์และความเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ขององค์กรให้ดีขึ้น

ทำแล้วได้อะไร 

1. บริหารจัดการด้านความปลอดภัยของอาหารอย่างมีระบบ
2. เกิดภาพพจน์ที่ดีต่อองค์กร และผลิตภัณฑ์
3. ลดภาระค่าใช้จ่ายในการผลิตที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด โดยเฉพาะคุณภาพด้านความปลอดภัย
4. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการตลาด
5. เป็นระบบคุณภาพด้านความปลอดภัยของอาหารที่สามารถขอรับการรับรองได้
6. เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาสู่ระบบคุณภาพ ISO 9000

และสินค้าทุกตัวของ Successmore ที่บิ๊วนำมาเสนอเพื่อนๆ นั้น ได้รับการรับรอง GMP และ HACCP ทุกตัวค่ะ เพราะฉนั้นไว้ใจได้เลยเรื่องคุณภาพ สิ่งที่บิ๊วจะนำมาให้เพื่อนๆที่น่ารักของบิ๊ว ไม่ดี ไม่ได้มาตรฐาน บิ๊วไม่นำมาเสนอแน่นอนค่ะ  รักทุกคนนะคะ จึงอยากบอกต่อจ้าา


วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

นอนดึก นอนน้อย เสี่ยงน้ำหนักขึ้นกว่า 4 กิโลกรัมต่อเดือน




สาเหตุหลัก ๆ ของความอ้วนที่เรารู้กันเป็นอย่างดีก็คงหนีไม่พ้นพฤติกรรมการกินของตัวเราเอง และความขี้เกียจออกกำลังกาย แต่ล่าสุดผลการศึกษาที่เว็บไซต์พรีเวนชั่น เขาได้เปิดเผย กลับแสดงข้อมูลที่ทำให้คนกลัวอ้วนต้องหนาวสั่นกันเป็นแถว ด้วยผลการศึกษาที่การันตีว่า ผู้หญิงที่มีปัญหาการนอนหลับ หรือคนที่นอนน้อยกว่า 5.5-6 ชั่วโมง มีแนวโน้มได้เห็นตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนัก ดีดตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4 กิโลกรัมต่อเดือนกันเลยทีเดียว ! อูย ได้เห็นแบบนี้แล้วน่าตกใจจริง ๆ นะคะ ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่า แค่นอนดึก และนอนไม่พอจะเป็นสาเหตุทำให้เราอ้วนได้ยังไงกันนะ
 
 1. นอนน้อย เบิร์นน้อย

 American Journal of Clinical Nutrition ได้ทำการทดลองให้ผู้ชายนอนหลับ 12 ชั่วโมงเต็มในหนึ่งคืน แต่คืนต่อมากลับไม่ให้นอนหลับเลยสักนาทีเดียว และเช้าวันรุ่งขึ้นก็จัดอาหารบุฟเฟ่ต์ให้กินอย่างเต็มที่ จากนั้นก็คอยสังเกตพฤติกรรมการใช้พลังงานในร่างกายของผู้ชายกลุ่มนี้ ด้วยการสังเกตจากกิจกรรมที่ผู้ทดลองทำตลอดทั้งวัน และนักวิจัยก็พบว่า ผู้ชายที่นอนไม่พอ จะใช้พลังงานในร่างกายน้อยลงกว่าคืนที่นอนเต็มอิ่ม 5% และหลังจากกินอาหารอิ่มจัดแล้ว ร่างกายจะใช้พลังงานลดลงอีก 20 % ซึ่งก็เป็นเหตุให้เขาเหล่านั้น ดูอ่อนเพลีย ไม่กระปรี้กระเปร่านั่นเอง
 
 2. นอนน้อย กินเยอะ

จากผลการศึกษาของ The American Heart Association’s 2011 Scientific Sessions พบว่า หากคืนไหนที่ผู้หญิงนอนพักผ่อนเพียงแค่ 4 ชั่วโมง ในวันรุ่งขึ้นเธอจะกินอาหารที่มีแคลอรี่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 329 กิโลแคลอรี่ ส่วนผู้ชายจะกินเพิ่มขึ้น 263 กิโลแคลอรี่ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้น้ำหนักขึ้นยังไงไหวล่ะจ๊ะ
 
 3. รู้สึกอยากกินอาหารประเภทแป้งมากขึ้น

ในร่างกายของเรามีฮอร์โมนที่คอยทำหน้าที่ขับเคลื่อนกระบวนการทำงานต่าง ๆ อย่าง ถ้านอนไม่พอ หรือน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะกระตุ้นให้คุณรู้สึกหิว ดังนั้นเมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะตกเป็นเบี้ยล่างของความอยากอาหารไปโดยปริยาย และที่สำคัญอาหารที่ร่างกายรู้สึกอยาก ก็จะเป็นอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และอาหารสหวานทุกชนิด เพราะร่างกายจะได้ดึงเอาน้ำตาลเหล่านี้ไปเพิ่มในกระแสเลือด เพื่อให้รู้สึกสดชื่น บรรเทาอาการง่วงซึมไปบ้าง

 4. พักผ่อนไม่พอ เก็บสะสมไขมันได้มากกว่า

 มหาวิทยาลัยชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยผลการวิจัยว่า การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ จะส่งผลกับความพยายามลดน้ำหนักของคุณ เนื่องจากร่างกายที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จะเกิดความปรวนแปรของฮอร์โมน และระบบการทำงานของร่างกายได้โดยง่าย อีกทั้งระบบเผลาผลาญก็จะเสียศูนย์ไปด้วย

โดยเฉพาะเมื่อร่างกายหลั่งฮอร์โมนเกรลินเพิ่มระดับสูงมากเท่าไร ร่างกายก็จะต้องรับอาหาร พลังงาน ไขมัน และแป้งมากขึ้นเท่านั้น แต่ระบบเผาผลาญไม่สามารถทำหน้าที่เบิร์นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เราก็เลยต้องเก็บสะสมพลังงานและไขมันเกินจำเป็นไว้ในร่างกายอย่างช่วยไม่ได้เลยล่ะ

www.kapook.com

7 สิ่งที่สาวไดเอทต้องตัดใจ




การควบคุมน้ำหนักที่มาพร้อมกับสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนั้น สาว ๆ ต้องตัด 7 สิ่งดังต่อไปนี้ออกไปจากสมองของตัวเองให้ได้เสียก่อน แล้วความสำเร็จก็จะตามมาค่ะ

ลืมความล้มเหลวของการไดเอทครั้งที่ผ่าน ๆ มา เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องเก่า ๆ ก็บั่นทอนกำลังใจเปล่า ๆ หันหน้ามาเริ่มใหม่ดีกว่าค่ะ
ลืมเรื่องการคำนวณแคลอรีไปได้เลย เพราะคุณก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรควรกิน หรือไม่ควรกิน
โยนเรื่องยา หรืออาหารเสริมช่วยลดความอ้วนทิ้งไปเลย แค่คุณควบคุมการใช้ชีวิต การกิน การออกกำลังกายก็เพียงพอแล้ว
ลืมเรื่องส่วนเกินไปซะ เพราะยิ่งคิด ก็ยิ่งกลุ้ม แล้วจะยิ่งกินนะคะ
ลืมการลดน้ำหนักเร่งด่วน เพราะไม่มีใครสามารถผอมลงได้ในชั่วข้ามคืนหรอกค่ะ
กินน้อยก็ลดน้ำหนักได้ อย่าได้แคร์ว่ากินอะไร หรือกินไปเท่าไร เพราะการกินน้อยอาจทำให้ร่างกายโทรม ถ้าอยากผอมอย่างสุขภาพดี ก็ตัดเรื่องนี้ออกไปเลย
ไม่ปรึกษาใคร การลดน้ำหนัก จำเป็นต้องมีใครสักคนที่คอยเป็นกำลังใจ และเอาใจช่วยคุณ จะทำให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างตั้งใจมากขึ้น

และยังมีอีกวิธีที่ง่ายและสะดวกเหมาะกับชีวิตระจำวันของสาวๆอย่างเราค่ะ คือการดื่มกาแฟยามเช้าซึ่งการดื่มกาแฟนั้นเป็นเรื่องที่เราๆดื่มกันเป้นประจำอยู่แล้ว ส่วนตัวบิ๊วดื่มกาแฟ Nutrinal Coffee Brazillian Arabica ค่ะ เพราะกาแฟนี้รสอร่อยดื่มง่าย และช่วยควบคุมน้ำหนักอีกด้วยนะคะ เรื่องนี้ไม่ลองไม่รู้นะคะ ถ้าดื่มไปดื่มมา สวย ใส หุ่นดี ขึ้นมา บิ๊วไม่รู้ด้วยน๊าาาา

Nutrinal Coffee Brazillian Arabica ผลิตภัณฑ์กาแฟ บาซิลเลี่ยน อราบิก้า




Nutrinal Coffee Brazillian Arabica ผลิตภัณฑ์กาแฟ บาซิลเลี่ยน อราบิก้า 

กาแฟสำหรับคอกาแฟที่ต้องการทั้งความสด ความอร่อย ผิวสวยและหุ่นดี
- เป็นกาแฟผสมคอลลาเจนที่ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส เนียนเรียบ
- ช่วยลดและควบคุมน้ำหนัก

ราคา ขนาด 10 ซอง     240 บาท
ราคา ขนาด 30 ซอง     700 บาท

ส่วนประกอบที่สำคัญ (Ingredients)

• สารสกัดคอลลาเจนจากปลาทะเล (Marin Collagen Peptide)

• สารสกัดถั่วขาว (White Kidney Bean Extract )

• การ์ซีเนีย แคมโบเกีย (Garcinia Cambogia)

• ฮูเดีย (Hoodia)

• แอล-คาร์นิทีน แอล-ทาร์เทรท (L-Carnitine L-tartrate)

• โครเมี่ยม อะมิโน เอซิด คีเลต (Chromium Amino Acid Chelate)

• อินนูลิน (Inulin)

• ใยอาหาร (Fiber)



คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ Nutrinal Coffee Brazillian Arabica

1. คงคุณค่าของการเป็นกาแฟไทยแต่จะได้รสชาติในกลุ่มของกาแฟสดที่มีความหอมที่แตกต่างจากท้องตลาด

2. Beauty Drink Coffee เป็นกาแฟที่มีทั้งคุณสมบัติเรื่องความสวยความงามและลดน้ำหนักในตัวเดียวกัน

3. เหมาะสำหรับคนเป็นเบาหวาน เพราะไม่มีน้ำตาลและใส่โครเมี่ยมเพื่อช่วยปรับระกับน้ำตาลในเลือด

4. คุณสมบัติของการลดน้ำหนักที่ได้ผลที่สุด โดยใช้ฮูเดียพืชที่สามารถลดความอยากอาหารได้ทันที ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

5. ทำให้รู้สึกอิ่มจากสาร HCA ในกาซิเนีย ช่วยกระตุ้นการนำพลังงานสำรองมาใช้

6. สวยจาก Collagen เพราะใช้ Collagen ที่ทนความร้อนได้ถึง 120 องศา

กาแฟคุณภาพดี คุณค่าที่ทุกคนคู่ควรและสามารถเป็นเจ้าของได้ มาหุ่นดี สวยใส ไปด้วยกันนะคะ

มอร์ส คอลลาเจน Mores Collagen



มอร์ส คอลลาเจน Mores Collagen  เครื่องดื่มเพื่อผิวพรรณ ขาวใส อมชมพู ลบเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ สิว ฝ้า กระ ด้วยคุณประโยชน์มากมายจาก คอลลาเจน ซิงค์อะมิโน แอล-อาร์จีนีน แอล-ซิลเทอีน อัลฟาไลโปอิก โคเอนไซม์ Q10 ไกลซีน สารสกัดจากเปลือกสน เป็นต้น คำตอบสุดท้ายของสาวผิวขาว

ราคา 1,500 บาท




คุณสมบัติส่วนประกอบสำคัญ

คอลลาเจนจากปลาทะเล(Hydrolyzed Fish Collagen)
คอลลาเจนจากปลาทะเล เสริมสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอิลาสตินให้กับผิวได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มความยืดหยุ่น กระชับให้กับผิว และยังช่วยให้ผิวอุ้มน้ำได้มากขึ้น ส่งผลให้ผิวชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง เรียบเนียน ไม่แห้งกร้าน ชะลอการเกิดริ้วรอย

แอล-กลูตามีน (L-Glutamine)
กระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีนและกล้ามเนื้อ เพื่อชดเชยและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ลดการเป็นหวัด หรือการติดเชื้อ โดยเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาว

แอล-อาร์จีนีน (L-Arginine)
ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตเข้าสู่ระบบและปรับปรุงความไวต่อความรู้สึกของเซลล์ ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต (Growth Hormone) จากต่อมใต้สมอง




คอลลาเจนคืออะไร ?

Collagen คอลลาเจน คือ โปรตีนที่อยู่ใต้ชั้นหนังแท้เป็นตัวช่วยสร้างความตึงกระชับให้กับผิว คอลลาเจนจะมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว แต่เมื่ออายุเกิน 20 ปี จะสูญเสียคอลลาเจนทุก ๆ ปี ๆ ละ 1% เมื่อขาดคอลลาเจน ผลเสียที่ตามมา คือ ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย เหี่ยวย่น หยาบกระด้าง ไม่ชุ่มชื่น ไม่ยืดหยุ่น เพราะฉะนั้น การเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวกายนั้นก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีและเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายผลิต คอลลาเจน ลดลง และการสลายตัวของคอลลาเจนตามธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ผิวหน้าหย่อนคล้อย และหยาบกระด้าง ไม่ชุ่มชื่น ดังนั้น วิธีที่จะทำให้ผิวพรรณกลับคืนสู่ความวัยเยาว์นั้น ก็คือการเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิวคุณ ซึ่งมีอยู่หลายวิธี วิธีที่นิยมแพร่หลายและปลอดภัยที่สุดคือ การดื่มคอลลาเจนผงนั่งเอง

คอลลาเจนมีประโยชน์อย่างไร ?

วัยเด็ก คอลลาเจน ยังไม่เสื่อมสลาย และมีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้เห็นว่าเด็ก หรือวัยรุ่นมีผิวหนังที่กระชับ เต่งตึง แต่เมื่อวัยเริ่มสูงขึ้น เส้นใย คอลลาเจน เหล่านี้เริ่มเสื่อมสลาย และมีปริมาณลดน้อยลงทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลง อันเป็นต้นเหตุของความเหี่ยวย่น และริ้วรอยแห่งวัยเพื่อลดรอยเหี่ยวย่นแห่งวัย เราควรเสริมสร้าง คอลลาเจน ด้วยการรับประทานคอลลาเจน หรือ ฉีดคอลลาเจนเข้าใต้ชั้นผิวหนังแท้ แต่วิธีการฉีดอาจต้องเจ็บตัว วิธีการค่อนข้างจะยุ่งยาก เพราะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นวิธีการดื่มคอลลาเจนจึงง่ายกว่าคอลลาเจน มีส่วนช่วยในการป้องกันอวัยวะในร่างกาย และเชื่อมอวัยวะต่างๆ ให้อยู่ด้วยกัน ช่วยให้โครงสร้างของร่างกายแข็งแรง และยืดหยุ่นดี ช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ขยับเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างคล่องตัวโดยเฉพาะข้อต่อที่ต้องรับน้ำหนัก และขยับเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆ เช่นเดินหรือวิ่ง เป็นต้น




ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 15 ซอง 

วิธีรับประทาน : ทานตอนท้องว่างก่อนนอน 1 ซอง

(สำหรับคนที่ต้องการผิวใสเร่งด่วนให้ทานขณะท้องว่าง ตอนเช้า 1 ซอง และก่อนนอน 1 ซอง)

ปกติราคากล่องละ 1,500 บาท

เลขที่ อย. 24-1-20555-1-0037

 คำเตือน

1.เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน

2.ควรรับประทานอาหารหลากหลาย ครบ 5หมู่ ในสัดส่วนที่พอเหมาะเป็นประจำ

3.ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค

4.ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละบุคคลและผลลัพธ์ดังกล่าวอาจไม่เกิดขึ้นกับแต่ละบุคคล




วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

PHYTOVY "ดีท๊อกซ์รสชาติไฮโซแบบกีวี"



PHYTOVY "ดีท๊อกซ์รสชาติไฮโซแบบกีวี" คุณภาพดี บิ๊วแนะนำค่ะ
: ล้างสารพิษในลำไส้ได้หมดจด
: เพิ่มพื้นที่ดูดซึมสารอาหารให้ร่างกาย
: ควบคุมระดับไขมันในเลือด
: ลดคอลเลสเตอรอล และน้ำตาลในเส้นเลือด
: ป้องกันโรคหัวใจ
: เร่งการเผาผลาญ
: ต้านอนุมูลอิสระ
: ป้องกันมะเร็ง
: บรรเทาอาการปัสสาวะอักเสบ

Phytovy (บรรจุ 15 ซอง)  

ราคา  1,200 บาท







เพิ่มความสดชื่นด้วยกาแฟกันค่ะ



เวลาเรารู้สึกไม่ค่อยสดชื่น หรือทำงานไปง่วงนอนไปอันเนื่องมาจากการนอนไม่เพียงพอ เราก็มันจะนึกถึงกาแฟกัน เพราะกาแฟจะช่วยให้เราตื่น และสดชื่นขึ้นมาได้ค่ะ แล้วทำไมกาแฟที่เราดื่มกันจึงช่วยให้เราแก้ง่วงได้ล่ะ

คนส่วนใหญ่มักชื่นชอบการดื่มกาแฟเพราะการดื่มกาแฟจะทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และที่สำคัญหลายกาแฟยังเป็นตัวช่วยที่ดีในการแก้ง่วงได้ดีด้วย แล้วทำไมกาแฟจึงสามารถเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยแก้ง่วงได้ กาแฟ organo gold กาแฟออกาโน่โกลด์  กาแฟ organo gold ออกาโน่โกลด์กาแฟเพื่อสุขภาพ จะมีประโยชน์ต่อทั้งสมองและร่างกายมาก ส่วนกาเฟอีนก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีผลดีต่อสมองได้เช่นกัน โดยการดื่มกาแฟเป็นประจำก็จะสามารถช่วยชะลอไม่ให้สมองเสื่อมถอย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้จริง แม้กระนั้นก็ยังมีคำถามว่า ตกลงแล้วกาแฟมีประโยชน์หรือโทษมากกว่า จากคำถามดังกล่าวจึงพอจะสรุปได้ว่า ปัญหาอยู่ที่ส่วนผสมที่เราใส่ในกาแฟเพื่อให้ได้รสชาดที่ถูกปากเหล่านั้นมากกว่า ที่จะส่งผลดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น ครีม น้ำตาล ช็อกโกแลต หรือวิปครีม ล้วนแต่เพิ่มทั้งสารเคมีและไขมันให้แก่กาแฟ ความจริงแล้วเมล็ดกาแฟเป็นของปลอดภัย ยิ่งถ้าเป็นเอสเพรสโซ่เพียว ๆ ยิ่งส่งผลดีต่อทั้งหัวใจและสมองได้เป็นอย่างดี

สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพราะต้องการแก้ง่วง แนะนำให้ดื่มปริมาณน้อยๆ แต่กระจายการดื่มออกไปตลอดวัน เช่น แทนที่จะดื่มถ้วยใหญ่ 16 ออนซ์ (500 มล.) ในตอนเช้า ให้ดื่มเพียงครั้งละ 2-3 ออนซ์ (60-90 มล) แต่บ่อยขึ้น กาแฟจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 15 นาที และจะอยู่ในร่างกายนานหลายชั่วโมง และต้องใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงกว่า ที่จะถูกขจัดออกจากร่างกาย

ส่วนตัวบิ๊วนั้นบิ๊วชอบดื่มกาแฟ Nutrinal Coffee Brazillian Arabic เพราะบิ๊วต้องการที่จะดื่มกาแฟเพราะแก้ง่วง และ ต้องการมีสุขภาพที่ดีด้วยค่ะ เพราะกาแฟนี้มีความสดความอร่อย ผิวสวยและหุ่นดีค่ะ บิ๊วดื่มเป็นประจำค่ะ ถ้าเพื่อนๆสนใจที่จะสวยดูดีได้อย่างบิ๊ว ก็มาลองดื่มกาแฟ Nutrinal Coffee Brazillian Arabic ด้วยกันนะคะ สิ่งดีๆที่บิ๊วได้มา ต้องการส่งต่อให้เพื่อนๆอย่างจริงใจค่ะ

เตือนค่ะ อย่าหลงทำผิวใสด้วยน้ำยาฟอกขาว อันตรายสุดๆ

       

          การดูแลเรื่องควาสวยความงาม การดูแลผิวพรรณเป็นสิ่งที่คู่กับผู้หญิงอย่างเรามาช้านานแล้วค่ะ เพราะ ถ้าไม่ดูแลให้ดีแล้ว เราก็จะไม่มั่นใจในการที่จะออกไปพบปะผู้คนหรือใช้ชีวิตประจำวัน ผู้หญิงอย่างเราจึงคิดหาวิธีการดูแลร่างกายของเราให้ดูดีอยู่เสมอค่ะ บ้างก็ซื้อครีมมาบำรุง บ้างก็เข้าคอร์สคามสวยความงานก็ว่ากันไปค่ะ

         แต่วันนี้บิ๊วจะนำเรื่องราวที่เป็นประโยชนืที่ได้พบเจอมาเกี่ยวกับน้ำยาฟอกขาวมาฝากค่ะ ซึ่งต้องระมัดระวังกันให้มากทีเดียวอย่าหลงไปใช้เด็ดขาดนะคะ มันอันตรายมากๆ ลองไปอ่านกันดูนะคะ

         ตำรับความงามสูตรโฮมเมด หากสูตรไหนได้ผลดีก็จะได้รับการบอกต่อ ๆ กัน จนแพร่กระจายไปถึงหลาย ๆ คน แต่สูตรที่บอกต่อกันนั้น ก็ยังคงมีทั้งสูตรที่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัยอยู่ดี ดังเช่น สูตรผิวใสด้วยสารฟอกขาว ที่สาวอังกฤษนิยมทำกันเองที่บ้าน กลายเป็นสูตรที่ถึงกับมีการบอกแนะนำกันในอินเทอร์เน็ต และมีหลาย ๆ คนนำไปลอง แต่คราวนี้ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนแล้วว่า แม้ทำได้จริงในทางทฤษฎี "แต่ถ้านำไปปฏิบัติก็เสี่ยงอันตรายมาก"

          รายงานจากเว็บไซต์เดลี่เมล ระบุว่า ทีมนักวิจัยจากโรงเรียนแพทย์ แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ทำการทดลองเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2013 โดยนำหนูที่ป่วยโรคผิวหนังจากการถูกรังสี อันเป็นผลกระทบที่เกิดกระบวนการรักษาด้วยรังสีและการทำคีโม มาแช่ในสารละลายเจือจางของสารฟอกขาว เป็นเวลา 30 นาทีต่อวัน ผลการทดลองพบว่า หนูที่ถูกนำมาแช่น้ำยาฟอกขาวเจือจางเริ่มมีผิวหนังที่สุขภาพดีกว่าเดิม และมีขนงอกกลับขึ้นมา ต่างจากหนูที่ถูกนำไปแช่ในน้ำเปล่าอย่างเดียว จึงสรุปได้ว่า สารฟอกขาวนั้นมีสรรพคุณช่วยรักษาผิวได้จริง ๆ

          แต่จากผลการทดลองนี้ จะนำมาปรับใช้กับผิวหนังของคนก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะโอกาสที่จะผสมสารให้มีความเข้มข้นเจือจางได้เท่ากับที่นักวิทยาศาสตร์ทำในห้องทดลองนั้นเป็นไปได้น้อยมาก และหากผสมผิดสัดส่วนขึ้นมา โอกาสที่จะทำให้ผิวเบิร์นก็มีสูงมากทีเดียว

          กระนั้น สาวอังกฤษหลายคนก็ยังพยายามนำไปใช้ โดยใช้สารฟอกขาวในครัวเรือน เช่น ครีมฟอกสีขน มาฟอกผิวหน้า เมื่อฟอกแล้วก็ตามด้วยการมาส์กหน้า เป็นสูตรฮิตผิวใสทันใจก่อนไปออกงานสำคัญ ๆ

          ดอกเตอร์แดเนียล ชาปิโร แพทย์ผิวหนังจากรัฐแอริโซนา บอกว่า ในทางการแพทย์นั้น มีการจ่ายยาเป็นครีมที่มีส่วนผสมของสารฟอกขาวให้กับผู้ป่วยโรคผิวหนังจริง โดยมันช่วยให้ชั้นคอลลาเจนหนาขึ้น ในทางความงามมันก็อาจช่วยเรื่องชะลอวัยได้ แต่แน่นอนว่าการใช้สุ่มสี่สุ่มห้าเป็นเรื่องอันตราย และหากจะนำสารฟอกขาวไปใช้กับผิวหน้าจริง ๆ ก็ยังคงต้องได้รับการศึกษาอย่างหนักอีกนานเลยทีเดียว

        เห็นไหมคะว่าการใช้สารฟอกขาวและการดูแลผิวพรรณแบบผิดวิธีนั้นเป็นอันตรายอย่างมากค่ะ บิ๊วอยากให้ผู้หญิงอย่างเราหันมาดูแลร่างกายกันด้วยวิธีธรรมชาติ กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาดและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะสามารถกลับมาดูดีได้อย่างแน่นอนค่ะ

ดีท็อกซ์ มันคืออะไรกันนะ

หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่า ดีท็อกซ์กันมาบ้าง แล้วเคยสงสัยกันๆไหมว่า มันคือะไรมีประโยชน์อย่างไร บิ๊วก็เคยได้ยินมาบ้างค่ะว่า ดีท็อกเป็นการล้างสารพิษ ทำให้สุขภาพดี ผิวพรรณสดใส และยังทำให้ผู้หญิงอย่างเราสวยขึ้นแบบผิดหูผิดตา อันนี้อาจเวอร์ไปนิดค่ะ แต่ว่า แล้วการดีท็อกซ์ที่แท้จริงมันคืออะไรวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันเรื่องนี้ค่ะ

การดีท็อกซ์ คืออะไร

คำว่า ดีท็อกซ์ ย่อมมาจากคำเต็ม ๆ ว่า Detoxification การดีท็อกซ์ คือ การล้างพิษ การล้างพิษมีหลายวิธี ได้แก่ การอาบน้ำ การอบ การนวด ร่างกายขับเหงื่อออกทางผิวหนัง ก็เป็นการล้างพิษ ขจัดเอาพิษออก และการสวนล้างลำไส้ ก็นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้วยังช่วยให้อวัยวะและระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างสมดุลอีกทั้งช่วยบำรุงผิวพรรณผ่องใส เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีค่ะ


งั้นเราทำดีท็อกไปเพื่ออะไรกันล่ะ

อย่างที่บอกว่าการดีท็อกซ์ก็เพื่อทำความสะอาดและขจัดสิ่งสกปรก ของเสีย กากอาหาร รวมทั้งสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ให้หมดไป เวลาของเสียต่าง ๆ ถูกขับออกมาไม่หมดจะตกค้างที่ลำไส้ บางครั้งของเสียเหล่านี้จะเกาะติดอยู่ตามผนังของลำไส้จนเป็นตะกรัน ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อร่างกายที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ท้องผูกเรื้อรัง ถ่ายไม่ออก ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ ผายลมบ่อยๆ ปวดท้อง ท้องเสีย ปากเปื่อย ปากเหม็น กลิ่นตัวแรง คันตามผิวหนังเป็นแผล เป็นฝี ปวดหัว เหนื่อยง่าย ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อและกระดูก บางคนอาจเป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งริดสีดวงทวาร มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ฯลฯ

มาดูประโยชน์ของดีท็อกกันค่ะ
  1. ทำความสะอาดลำไส้ และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย ลดการสะสมสารพิษ และเมื่อสารพิษต่าง ๆ ถูกชะล้างออกไป ลำไส้ก็จะทำงานได้ตามปกติ
  2. ทำให้ร่างกายสดชื่น เมื่อร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำ 60-70 เปอร์เซ็นต์ การสวนล้างลำไส้ด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือแร่ ร่างกายจะดูดซึมน้ำเหล่านั้นไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  3. บริหารกล้ามเนื้อลำไส้ ถ้ามีของเสียตกค้างที่ลำไส้มากจะทำให้ลำไส้อ่อนแอลง แต่เมื่อล้างลำไส้แล้วจะช่วยให้กล้ามเนื้อลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น กำจัดของเสียได้มากขึ้น ทำให้ไม่เกิดสารตกค้างจนกลายเป็นพิษในลำไส้
  4. ทำให้ลำไส้มีขนาดปกติ เพราะถ้ามีของเสียอุดตันในลำไส้ จะทำให้ลำไส้ทำงานผิดปกติและจะทำให้รูปร่างของลำไส้เปลี่ยนแปลงไป เช่น มีอาการบวมหรือโป่ง แต่เมื่อสวนล้างลำไส้เอาสารพิษออกไป จะช่วยให้รูปร่างของลำไส้กลับมาเป็นปกติตามธรรมชาติ
  5. ทำให้ระบบการทำงานในร่างกายดีขึ้น เพราะตามปกติแล้วอวัยวะต่างๆ ในร่างกายทุกส่วนจะทำงานเชื่อมต่อกับลำไส้ผ่านจุดตอบสนอง ฉะนั้น เมื่อได้สวนลำไส้จะช่วยกระตุ้นจุดที่ว่านี้และส่งผลให้ร่างกายโดยรวมทำงานได้ดี เช่น ตับ ถุงน้ำดี ไต ตับอ่อน และต่อมน้ำเหลือง ฯลฯ
การดีท็อกนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายจริงๆค่ะ แต่ก็ต้องบอกกันตามตรงนะคะ ว่าการดีท็อกเป็นการแค่การล้างสารพิษเท่านั้นนะคะ ไม่ได้เป็นการรักษาโรค สำหรับบิ๊ว บิ๊วจะดูแลตัวเองด้วยการดีท็อกในแบบง่ายๆคือ บิ๊วชอบดื่มน้ำผลไม้อยู่แล้ว และบิ๊วได้รู้จักกับน้ำผลไม้ที่มีสรรพคุณแบบเดียวกับการดีท็อกค่ะ ซึ่งสำหรับตัวบิ๊วเองนั้นเป็นคนขับถ่ายยาก แต่เมื่อได้ดื่มน้ำกีวี่ Phytovy การขับถ่ายของบิ๊วก็ดีขึ้นและ ล้างสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ออกมาอีกด้วยค่ะ ซึ่งส่งผลให้พิวพรรณดูดีขึ้นค่ะ และสำหรับใครที่จะทำตามบิ๊ว อันนี้ก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะคะ หรือต้องการน้ำผลไม้กีวี Phytovy ก็สามารถปรึกษาบิ๊วได้ค่ะ อย่าลิมนะคะ